บทความน่ารู้

ตาล้าคืออะไร สาเหตุ อาการที่พบ วิธีรักษาและวิธีป้องกันอย่างถูกวิธี

ตาล้า

ภาวะตาล้าเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่หลายคนกำลังเผชิญอยู่ โดยเฉพาะคนที่ใช้สายตาจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือหน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ๆ ทุกวัน อาการที่พบคือรู้สึกแสบตา ตาพร่ามัว ปวดตา หรือรอบเบ้าตา หลายคนอาจคิดว่าอาการเหล่านี้ไม่ได้ร้ายแรง พักสายตาสักหน่อยก็ดีขึ้น แต่แท้จริงแล้วหากปล่อยไว้โดยไม่ดูแลอย่างถูกวิธี อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพตาในระยะยาวได้ บทความนี้จะพามารู้จักอาการตาล้าให้มากขึ้น สำรวจสาเหตุ อาการที่พบ ผลกระทบ และวิธีป้องกันอาการตาล้า เพื่อช่วยถนอมดวงตาคู่สำคัญให้อยู่กับคุณไปได้นานที่สุด

 

สารบัญบทความ

 

 

ตาล้าคืออะไร?

 

ตาล้า (Asthenopia) คือภาวะที่กล้ามเนื้อดวงตาเกิดความอ่อนล้าจากการจ้องมองอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะแก่การใช้สายตาหรือใส่แว่นที่ไม่ตรงกับค่าสายตาจริง รวมถึงมีค่าสายตาผิดปกติแต่ไม่ใส่แว่นแก้ไข หรือมีภาวะตาเหล่แอบแฝง และกล้ามเนื้อตามีพลังไม่มากพอที่จะชดเชยภาวะนี้

 

อาการตาล้า มีอะไรบ้าง

 

อาการตาล้าที่พบได้บ่อย มีดังนี้

 

    1. ปวดตา/เมื่อยตา
    2. ปวดบริเวณรอบเบ้าตา
    3. การมองเห็นพร่ามัว โฟกัสลำบาก
    4. แสบเคืองตา
    5. เห็นภาพซ้อนเล็กน้อยบางจังหวะ
    6. ในรายที่อาการหนัก จะรู้สึกเวียนหัว คลื่นไส้ร่วมด้วย

 

สาเหตุของภาวะตาล้า

 

เจ็บตา

 

ภาวะตาล้าหรือสายตาล้า มักเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้

 

มีปัญหาค่าสายตาผิดปกติ หรือมีพลังเพ่งที่ไม่เพียงพอ

 

คนที่มีสายตาสั้น ยาว หรือเอียง แต่ไม่ได้ใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์เพื่อแก้ไขค่าสายตา จะทำให้ระบบการเพ่งแบบอัตโนมัติของดวงตาทำงานหนักกว่าปกติ เพื่อพยายามทำให้ภาพชัดขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา จึงเกิดอาการตาล้าได้ง่ายกว่าคนที่ไม่มีค่าสายตา หรือในบางคนที่ใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์ที่แก้ไขปัญหาสายตาแล้ว แต่มีพลังเพ่งน้อยกว่าคนทั่วไป ก็จะเกิดอาการตาล้าได้ง่ายกว่าคนอื่น ๆ

 

นอกจากนี้ การสวมแว่นตาที่ไม่ตรงกับค่าสายตาจริง ก็ทำให้เกิดอาการตาล้าจากการเพ่งสู้กับค่าสายตาที่ใส่มาเกินได้เช่นกัน ดังนั้น เราจึงควรเลือกใช้บริการร้านตัดแว่นที่มีความน่าเชื่อถือ บริการตรวจวัดสายตากับนักทัศนมาตร เพื่อให้แน่ใจว่าเรากำลังใช้แว่นสายตาที่ดีและเหมาะสมต่อดวงตามากที่สุด

 

มีความเครียด

 

การมีความเครียดสะสม เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดภาวะตาล้าได้ เพราะความเครียดจะทำให้ระบบควบคุมกล้ามเนื้อตาที่ใช้ในการเพ่งเกิดการเกร็งตัวอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งความเครียดมักมาพร้อมกับการพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงยิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการตาล้าได้รุนแรงขึ้น

 

ดังนั้น การจัดการความเครียดและพักผ่อนอย่างเพียงพอจึงเป็นวิธีพื้นฐานที่ช่วยลดโอกาสเกิดภาวะตาล้าได้ดี

 

ใช้สายตาติดต่อกันเป็นเวลานาน

 

อีกหนึ่งสาเหตุหลักของภาวะตาล้าคือการใช้สายตาจดจ่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น อ่านหนังสือโดยไม่มีการพักสายตา ส่งผลให้กล้ามเนื้อตาออกแรงในการโฟกัสภาพให้ชัดอยู่ที่ระยะเดียวนานเกินไป เมื่อดวงตาไม่สามารถผ่อนคลายได้อิสระตามธรรมชาติ จึงทำให้ระบบโฟกัสเริ่มทำงานผิดปกติ มีอาการเดี๋ยวชัดเดี๋ยวเบลอ

 

สายตาล้าจากการใช้คอมพิวเตอร์

 

สาเหตุยอดฮิตของภาวะตาล้าคือการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ตโฟนเป็นเวลานาน โดยเฉพาะการจ้องมองหน้าจอใกล้เกินไป หรือเปิดแสงหน้าจอจ้าเกินไป อีกทั้งแสงสีฟ้ามีคุณสมบัติการกระจายตัวมากกว่าสีอื่น จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อกลไกการเพ่งในระยะใกล้ ทำให้ดวงตาต้องเพ่งมากกว่าปกติเพื่อโฟกัสภาพให้คมชัด การสวมแว่นตากรองแสงสีฟ้าจึงช่วยลดภาระให้ดวงตาได้ และควรพักสายตาทุก ๆ 20 นาที เพื่อให้กล้ามเนื้อตาได้คลายตัวบ้าง

 

ภาวะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับดวงตา เช่นตาเหล่แอบแฝง

 

ภาวะตาแห้ง ต้อลม ต้อเนื้อ เยื่อบุตาอักเสบ ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความไม่สบายตาและนำไปสู่ภาวะตาล้าได้เช่นกัน โดยเฉพาะภาวะตาแห้งซึ่งพบมากในกลุ่มคนทำงานหน้าจอ เนื่องจากมีน้ำหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ จะมีผลทำให้ค่าสายตาสวิง ปรับโฟกัสให้ชัดลำบาก

 

นอกจากนี้ โรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อตา เช่นตาเหล่แอบแฝง ทำให้ตาสองข้างทำงานไม่ค่อยสัมพันธ์กัน ทำให้กล้ามเนื้อตาต้องทำงานหนักกว่าปกติ หากกล้ามเนื้อตาไม่แข็งแรงพอ ก็จะเกิดอาการตาล้าได้ ดังนั้น หากมีอาการระคายเคืองตาเรื้อรัง หรือการมองเห็นเปลี่ยนไป ควรเข้ารับการตรวจหาสาเหตุโดยจักษุแพทย์หรือนักทัศนมาตร เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลต่อสุขภาพตาระยะยาวได้

 

การใช้สายตาในที่มืด

 

การอ่านหนังสือหรือใช้สายตาในที่ที่มีแสงน้อยจะทำให้ดวงตาถูกบังคับให้เพ่งโดยอัตโนมัติ เพื่อให้มองเห็นตัวหนังสือได้ชัด เป็นการบังคับให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนักแบบไม่รู้ตัว ส่งผลให้เกิดอาการตาล้าตามมา โดยการใช้สายตาในที่มืดยังเพิ่มโอกาสให้เกิดอาการตาพร่า มองเห็นภาพไม่ชัด และปวดตาได้ ดังนั้น เราจึงควรใช้ความแสงสว่างที่เหมาะสมกับกิจกรรมนั้น ๆ

 

ขับขี่รถยนต์ระยะทางไกล

 

การขับรถเป็นเวลานานต้องใช้สายตาจดจ้องภาพตรงหน้าอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีช่วงพัก ดวงตาต้องจ้องถนน ป้าย และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ตลอดเวลา กล้ามเนื้อตาจึงอยู่ในสภาวะตึงเครียด ส่งผลให้เกิดอาการตาล้า และเมื่อยตาได้ง่าย ถ้าขับรถในตอนกลางคืน หรือช่วงแดดจ้าอาการตาล้าก็จะยิ่งชัดขึ้น หากไม่หยุดพักสายตาเป็นระยะอาจทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลง ส่งผลต่อการตัดสินใจและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ควรหยุดพักทุก 2 – 3 ชั่วโมง หรือสวมใส่แว่นกันแดดเมื่อต้องขับขี่ในตอนกลางวันที่มีแสงแดดจ้าเพื่อช่วยถนอมสายตา

 

ภาวะตาล้าส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง

 

สายตาล้า

 

แม้ภาวะตาล้าส่วนใหญ่จะไม่ได้ทำให้มีอาการรุนแรง แต่หากปล่อยไว้โดยไม่ดูแล อาการเล็ก ๆ อาจลุกลามจนรบกวนการใช้ชีวิตและสุขภาพดวงตาในระยะยาวได้อย่างไม่รู้ตัว

 

การใช้ชีวิตประจำวัน

 

เมื่อเกิดภาวะตาล้าอย่างต่อเนื่อง การทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องใช้สายตาจะยากลำบากขึ้น เช่น การอ่านหนังสือ การใช้คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่การขับรถ ความสามารถในการโฟกัสและตัดสินใจจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานและความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน

 

นอกจากนี้ ผู้ที่มีภาวะสายตาล้าจะรู้สึกเหนื่อยง่าย อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย รู้สึกตาล้า ง่วงตลอดเวลา และไม่มีสมาธิในการทำสิ่งต่าง ๆ ความไม่สบายตาเรื้อรังอาจกระทบต่อการใช้ชีวิต ทำให้รู้สึกไม่มีแรงจูงใจในการทำงานหรือติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น

 

เกิดโรคเกี่ยวกับดวงตา

 

หากปล่อยให้ตาล้าเรื้อรังโดยไม่แก้ไข หรือไม่ปรับพฤติกรรมที่เป็นสาเหตุ ก็อาจนำไปสู่ปัญหาดวงตาอื่น ๆ ได้ เช่น ตาแห้งเรื้อรัง เยื่อบุตาอักเสบ ค่าสายตาเปลี่ยนชั่วคราว นอกจากนี้ ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ซึ่งอาจต้องได้รับการรักษาเฉพาะทางอีกด้วย

 

วิธีป้องกันภาวะตาล้าอย่างถูกต้อง

 

การป้องกันภาวะตาล้าไม่ใช่เรื่องยาก หากเราใส่ใจสุขภาพดวงตาและปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสม ต่อไปนี้คือวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดอาการตาล้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

    • พักสายตาระหว่างวัน การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือทั้งวันโดยไม่พักสายตา เป็นสาเหตุหลักของอาการตาล้า ลองใช้เทคนิค 20-20-20 คือทุก 20 นาทีให้มองออกไปไกล 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร) เป็นเวลา 20 วินาที วิธีนี้ช่วยให้กล้ามเนื้อตาได้ผ่อนคลาย

 

สำหรับคนที่ใส่แว่นทำงานหน้าจอเป็นประจำ ควรเลือกใช้แว่นกรองแสงสีฟ้าเพราะมีคุณสมบัติช่วยลดอาการตาล้าได้ และเลือกร้านตัดแว่นกับร้านที่มีความเชี่ยวชาญ ดูแลโดยนักทัศนมาตรมืออาชีพ เพื่อให้ได้แว่นตาที่เหมาะกับค่าสายตาที่สุด

 

    • ใช้สายตาในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างที่เหมาะสม การทำงานหรืออ่านหนังสือในที่ที่มีแสงน้อยหรือแสงจ้าเกินไป อาจทำให้รู้สึกแสบตาและตาล้าได้ แก้ไขโดยใช้ความสว่างที่เหมาะสมและกระจายตัวดีจะช่วยให้ดวงตารู้สึกผ่อนคลาย
    • ดูแลดวงตาด้วยตัวเอง เรื่องพื้นฐานที่หลายคนมองข้ามคือการทำความสะอาดแว่นตาให้สะอาดและชัดใสอยู่เสมอ รวมถึงเลือกกรอบหรือเลนส์ที่พอดีกับใบหน้าและค่าสายตา เพราะแว่นที่ไม่เหมาะสมจะยิ่งทำให้ต้องเพ่งมากขึ้น

 

การเลือกแว่นจากร้านตัดแว่นโดยนักทัศนมาตรจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเลนส์จะตรงกับค่าสายตาและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นวิธีแก้อาการปวดตาและตาล้าได้จากต้นเหตุอย่างแท้จริง

 

    • ดูแลดวงตาด้วยตัวเอง เรื่องพื้นฐานที่หลายคนมองข้ามคือการทำความสะอาดแว่นตาให้สะอาดและชัดใสอยู่เสมอ รวมถึงเลือกกรอบ หรือเลนส์ที่พอดีกับใบหน้าและค่าสายตา เพราะค่าสายตาที่ไม่เหมาะสมจะยิ่งทำให้ต้องเพ่งมากขึ้น
    • การตรวจสายตา สุขภาพตา และตรวจกล้ามเนื้อตาเป็นประจำ ค่าสายตาและค่าความสามารถในการเพ่งนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามอายุ การตรวจสายตาและสุขภาพตาปีละครั้งจึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยเช็คว่าแว่นสายตาที่มีนั้นยังเหมาะสมต่อใช้งานอยู่หรือไม่ ถ้าไม่ จะได้ปรับเลนส์ให้ตรงกับค่าสายตาจริงได้ทันท่วงที และสำหรับคนที่มีภาวะตาเหล่แอบแฝง คนกลุ่มนี้จะไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีภาวะนี้ และพอเกิดอาการตาล้าจึงคิดว่าเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น ตาแห้ง เพราะทำงานหน้าจอคอมมากเกินไป แต่แท้จริงแล้วนั้นเกิดจากการที่กล้ามเนื้อตาของคน ๆ นั้นมีพลังไม่มากพอที่จะชดเชยตาเหล่แอบแฝง ทำให้ต้องใช้พลังเพ่งมากกว่าปกติ เวลาที่กล้ามเนื้อตาเพ่งมาก ๆ นั้น ตาจะกะพริบน้อยลง ทำให้เกิดอาการตาแห้ง ตามมาด้วยอาการตาล้า ดังนั้น การตรวจสายตา สุขภาพตา และตรวจกล้ามเนื้อตาเป็นประจำ จึงเป็นทางเลือกที่ดีในการป้องกันอาการตาล้า
    • เข้ารับการตรวจจากนักทัศนมาตร หากรู้สึกว่าแว่นตาอันเดิมไม่ตอบโจทย์การใช้งาน มองภาพไม่ชัดเหมือนตอนแรก ๆ ที่ใส่ หรือแม้เปลี่ยนเลนส์ใหม่แล้วก็ยังมองไม่ชัด อาจเป็นเพราะค่าสายตาเปลี่ยนหรือประเภทของเลนส์ที่ใช้อยู่ไม่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้สายตาได้ดีเท่าที่ควร ควรรีบปรึกษานักทัศนมาตรโดยตรง อย่าฝืนใส่แว่นอันนั้นจนเกิดภาวะตาล้า เพราะจะกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หรือหากมีอาการตาล้าจากภาวะตาเหล่แอบแฝง ทางนักทัศนมาตรสามารถรักษาได้โดยการทำ Vision Training หรือการใช้เลนส์ชนิดพิเศษเพื่อรักษาอาการตาล้าจากภาวะตาเหล่แอบแฝง การดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญจะช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุด และป้องกันโรคตาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

 

ภาวะตาล้า แก้ได้ด้วยแว่นตาที่มีประสิทธิภาพและตรงกับค่าสายตา

 

ภาวะตาล้าอาจดูไม่ร้ายแรงแต่ก็ส่งผลกระทบต่อการทำงานและการใช้ชีวิตไม่น้อย ทำให้รู้สึกไม่สบายตา ทำอะไรก็จะรู้สึกติด ๆ ขัด ๆ ไม่ราบรื่นเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม ภาวะตาล้ามีวิธีแก้ง่าย ๆ คือการหยุดใช้สายตาสักพักเพื่อให้อาการทุเลาะลง นอกจากนี้ การสวมใส่แว่นตาที่ตรงกับค่าสายตา และสุขภาพตาของตัวเองก็เป็นการแก้ปัญหาตาล้าที่ต้นเหตุอย่างยั่งยืน ร้านแว่นตา Occura ให้บริการตัดแว่นโดยนักทัศนมาตรผู้เชี่ยวชาญ ช่วยวิเคราะห์ปัญหาสายตาอย่างละเอียด พร้อมแนะนำเลนส์ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์และลดอาการตาล้าได้จริง ใส่แล้วสบายตา ใช้งานได้นานอย่างมั่นใจ

 

ร้านแว่นตาโอคูระ ดูแลระบบการมองเห็นแบบครบวงจร จุดเริ่มต้นการดูแลสายตาที่สมบูรณ์แบบ