การเลือกเลนส์แว่นตาที่เหมาะกับค่าสายตา เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพการมองเห็นและความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน ยิ่งในปัจจุบัน เทคโนโลยีการผลิตเลนส์แว่นตาได้พัฒนาไปมาก ทำให้มีตัวเลือกที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ปัญหาสายตาที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง หรือสายตายาวตามอายุ ดังนั้น เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้ที่มีปัญหาสายตา
บทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักว่าเลนส์มีกี่ประเภท อย่างเลนส์โปรเกรสซีฟคืออะไร เลนส์ชะลอสายตาสั้นคืออะไร คนสายตาสั้นใช้เลนส์อะไร พร้อมทำความเข้าใจชนิดของเลนส์แว่นตาแต่ละแบบ เพื่อช่วยให้คุณเลือกเลนส์ได้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานและไลฟ์สไตล์
สารบัญบทความ
เลนส์แว่นตา มีกี่แบบ อะไรบ้าง
เลนส์แว่นตา มีกี่ประเภท? เลนส์แว่นตาที่ใช้ในการตัดแว่นสายตาเพื่อตอบโจทย์กับสายตาสั้น ยาว เอียง หรือสายตายาวตามอายุนั้น สามารถแบ่งประเภทหลัก ๆ ดังนี้
1. เลนส์ชั้นเดียว (Single Vision Lens)
เลนส์แว่นตาแบบชั้นเดียว (Single Vision Lens) คือเลนส์ที่มีค่าสายตาเพียงค่าเดียว เหมาะกับทั้งผู้ที่มีปัญหาสายตาสั้น สายตายาว รวมถึงสามารถเพิ่มค่าสายตาเอียงได้ ตอบโจทย์กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี และยังไม่มีปัญหาสายตายาวตามวัย (Presbyopia)
เลนส์ประเภทนี้สามารถใส่แล้วมองเห็นได้คมชัดทุกระยะการมอง แต่สำหรับผู้ที่มีสายตายาวตามอายุ เลนส์ชั้นเดียวสามารถมองได้แค่ระยะใดระยะหนึ่งเท่านั้น ถ้ามองไกลไม่ชัดก็ต้องมีแว่นสำหรับใส่มองไกลแยกต่างหาก หรือหากมองใกล้ไม่ชัดก็ต้องมีแว่นเพิ่มอีกหนึ่งตัวสำหรับใส่มองใกล้ระยะเดียว โดยแว่นมองใกล้ไม่สามารถใส่เดินหรือมองหน้าคนได้ที่ระยะไกลออกไปได้ ทำให้ต้องพกแว่นมากกว่าหนึ่งอันและต้องคอยใส่-ถอดแว่นอยู่บ่อยครั้ง โดยทาง Occura จะแบ่งเลนส์ชั้นเดียวออกเป็น 3 ประเภท ตามคุณสมบัติโครงสร้าง Basic , Light , Air
-
- เลนส์ Basic – เลนส์มาตรฐานที่ตอบโจทย์พื้นฐานของการมองเห็น
- เลนส์ Light – เลนส์ที่พัฒนามาให้บางและเบากว่าแบบ Basic ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการสวมใส่
- เลนส์ Air – เลนส์ที่ใช้วัสดุคุณภาพสูงสุด มีมุมมองที่กว้าง นุ่มนวลสบายตากว่าโครงสร้างอื่น ๆ
ข้อดี
-
- มองชัดเต็มพื้นที่เลนส์ สำหรับคนที่ยังไม่มีปัญหาสายตายาวตามวัย เพราะมีค่ากำลังเลนส์มีเพียงค่าเดียวทั่วทั้งผืนเลนส์ ทำให้เวลาเหลือบตามองไปทางไหนก็มองชัด ไม่ต้องขยับหน้าหาตำแหน่งโฟกัส
- ตัดแว่นสายตา ราคาเริ่มต้นไม่สูง เมื่อเทียบกับเลนส์โปรเกรสซีฟ หรือเลนส์พิเศษอื่น ๆ เลนส์ชั้นเดียวจะมีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า
- เหมาะกับการใช้งานเฉพาะด้าน สำหรับคนที่มีสายตายาวตามวัย เช่น ใช้เป็นแว่นสายตาสำหรับอ่านหนังสืออย่างเดียว หรือแว่นสำหรับคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ
- เลือกกรอบแว่นได้อิสระ เพราะไม่มีข้อจำกัดเหมือนเลนส์โปรเกรสซีฟ หรือเลนส์เฉพาะทางที่ต้องคำนึงถึงโซนการมอง
ข้อเสีย (สำหรับผู้ที่มีค่าสายตายาวตามวัยแล้วใช้เลนส์ประเภทนี้)
-
- ไม่สะดวกเวลาต้องใช้งานหลายระยะ เช่น ทำงานที่ต้องสลับจากระยะจอคอม มามองเอกสารใกล้ ๆ หรือ มองไกล ๆ ทำให้ต้องคอยใส่ ๆ ถอด ๆ
- เสี่ยงต่อการใช้งานผิดระยะ ถ้าเอาแว่นที่ทำมาสำหรับใส่อ่านหนังสือ ไปเผลอมองไกลเกินระยะที่กำหนด ภาพจะมัว ทำให้ปวดตาหรือเวียนหัวได้
- ต้องพกแว่นหลายตัว ในผู้ที่มีทั้งสายตาสั้นและสายตายาวตามวัย (มองไกลและใกล้ไม่คมชัด) จะต้องพกแว่นอย่างน้อย 2 ตัว ตัวหนึ่งสำหรับมองไกล และอีกตัวสำหรับมองใกล้
- ไม่ตอบโจทย์ความคล่องตัวเท่ากับเลนส์โปรเกรสซีฟ ถ้าอยากได้แว่นที่มองเห็นได้ครบทุกระยะโดยไม่ต้องถอด ๆ ใส่ ๆ หรือคอยสลับแว่นไปมา การเลือกเลนส์โปรเกรสซีฟจะเหมาะสมกว่า
2. เลนส์สองชั้น (Bifocal)
เลนส์แว่นตาแบบเลนส์สองชั้น (Bifocal Lens) ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ที่มีปัญหาสายตายาวตามวัยซึ่งมักเกิดในช่วงอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป เลนส์ชนิดนี้มีจุดเด่นคือการรวมสองค่าสายตาไว้ในเลนส์เดียว โดยแบ่งส่วนของเลนส์ออกเป็นสองพื้นที่หลักอย่างชัดเจน ได้แก่ ส่วนบนสำหรับมองไกล และส่วนล่างสำหรับมองใกล้ เช่น การอ่านหนังสือหรือใช้งานมือถือ อย่างไรก็ตาม เลนส์สองชั้นจะสามารถดูออกได้อย่างชัดเจนว่ามีรอยต่อที่บริเวณสำหรับมองใกล้ มักมีรูปทรงคล้ายครึ่งวงกลมหรือถ้วยกาแฟ (D-segment)
ข้อดี
-
- มองได้ทั้งระยะไกลและระยะใกล้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนแว่น
- เลนส์แว่นตาประเภทนี้ราคาไม่แพง
ข้อเสีย
-
- เลนส์ขาดช่วงระยะสำหรับมองกลาง เวลาเปลี่ยนจากมองไกลมาใกล้ จะทำให้เกิดภาพกระโดด (Jump Image) สร้างความไม่สบายตา
- ไม่เหมาะกับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ (PC) เนื่องจากไม่มีระยะกลาง
- ต้องอาศัยการปรับตัว
- เห็นรอยต่อชัดเจน อาจดูไม่สวยงาม ดูมีอายุ และไม่เข้ากับแฟชั่นแว่นตาปัจจุบัน
3. เลนส์โปรเกรสซีฟ (Progressive Lens)
เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟ หรือแว่น Progressive คือ เลนส์เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขข้อจำกัดของเลนส์แบบดั้งเดิม ซึ่งมีหลายยี่ห้อ เช่น เลนส์โปรเกรสซีฟ Hoya และเลนส์โปรเกรสซีฟ Essilor โดยออกแบบให้มีการเปลี่ยนแปลงค่ากำลังสายตาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งเลนส์ ทำให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในทุกระยะ ตั้งแต่ระยะไกล ระยะกลาง ไปจนถึงระยะใกล้ โดยไม่มีรอยต่อให้เห็นบนเลนส์ และด้วยการใช้เทคโนโลยี Freeform ในการผลิต ทำให้สามารถออกแบบเลนส์โปรเกรสซีฟให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานแต่ละคนได้อย่างเฉพาะเจาะจง โดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญหลายประการ เช่น ค่าสายตา ลักษณะโครงสร้างใบหน้า ระยะห่างระหว่างตาทั้งสองข้าง และพฤติกรรมการใช้สายตาในชีวิตประจำวัน
เลนส์โปรเกรสซีฟจึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปที่เริ่มมีปัญหาสายตายาวตามวัย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการความคล่องตัวในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ผู้บริหาร นักธุรกิจ หรือผู้ที่ต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์และเอกสารสลับกันตลอดทั้งวัน เนื่องจากสามารถใช้แว่นเพียงคู่เดียวในการมองทุกระยะ
ข้อดี
-
- มองได้ครบทุกระยะในเลนส์เดียว ไม่ต้องสลับแว่นไปมา
- ไม่มีรอยต่อให้เห็น จึงดูสวยงามและทันสมัย
- การเปลี่ยนโฟกัสระหว่างระยะต่าง ๆ เป็นไปอย่างนุ่มนวล
- ใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเดินทาง หรือการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
ข้อเสีย
-
- ผู้ใช้งานอาจต้องใช้เวลาปรับตัวกับการมองผ่านเลนส์ใหม่ในช่วงแรก โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยใช้เลนส์หลายระยะ
- แว่นสายตาโปรเกรสซีฟจะมีราคาเลนส์สูงกว่าเลนส์ประเภทอื่น เนื่องจากเทคโนโลยีการผลิตที่ซับซ้อนและการออกแบบเฉพาะบุคคล
4. เลนส์ชะลอสายตาสั้นในเด็ก
เลนส์แว่นตาชะลอสายตาสั้น คือเลนส์ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อช่วยชะลอการเพิ่มขึ้นของค่าสายตาสั้น โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่นที่สายตายังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง หลักการทำงานของเลนส์ประเภทนี้มักอิงจากงานวิจัยด้านสายตาเด็ก เช่น การควบคุมโฟกัสแสงให้ตกในตำแหน่งที่เหมาะสมบนจอประสาทตา เพื่อลดสิ่งกระตุ้นที่ทำให้กระบอกตายาวขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของสายตาสั้น เหมาะสำหรับเด็กและวัยรุ่นที่เริ่มมีสายตาสั้น ตั้งแต่อายุ 6-18 ปี
ข้อดี
-
- ป้องกันความเสี่ยงเป็นสายตาสั้นชนิดรุนแรง
- ลดโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนทางตาในอนาคต
- ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแว่นบ่อย ๆ
- เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดในการชะลอสายตาสั้น
ข้อเสีย
-
- ราคาสูงกว่าเลนส์สายตาทั่วไป
- เด็กอาจใช้เวลาปรับตัวนานกว่าเลนส์สายตาทั่วไปเล็กน้อย
- ต้องใส่แว่นอย่างสม่ำเสมอ จึงจะได้ประสิทธิภาพชะลอค่าสายตาสูงสุด
5. เลนส์ลดการเพ่งผ่อนคลายดวงตา
เลนส์แว่นตาลดเพ่ง คือเลนส์สายตาที่ออกแบบเป็นเพิเศษให้มีโซนช่วยผ่อนแรงเพ่งเล็กน้อยบริเวณด้านล่างของเลนส์แว่นตา คล้ายการใส่กำลังค่าสายตายาวนิด ๆ เพื่อช่วยลดภาระการทำงานของกล้ามเนื้อตาเวลามองใกล้นาน ๆ เหมาะสำหรับวัยรุ่น วัยทำงาน ที่มีอาการตาล้าเวลามองใกล้ หรือผู้ที่มีสายตายาวตามวัยในระยะเริ่มต้นที่ยังไม่อยากใส่เลนส์โปรเกรสซีฟ
ข้อดี
-
- ช่วยผ่อนแรงเพ่ง ลดอาการล้าตา ปวดตา ปวดศีรษะได้
- สำหรับผู้ที่เริ่มมีสายตายาวตามวัยระดับเริ่มต้น (อายุประมาณ 38-40 ปี) จะทำให้เห็นคมชัดและสายตาในทุกระยะการมอง
- ส่วนใหญ่มักมีราคาย่อมเยากว่าเลนส์โปรเกรสซีฟ
ข้อเสีย
-
- รองรับค่าสายตายาวตามวัยได้ไม่สูงเท่าเลนส์โปรเกรสซีฟ ดังนั้น ในผู้ที่มีค่าสายตายาวตามวัยอย่างชัดเจนแล้ว อายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป จะไม่เหมาะกับเลนส์กลุ่มนี้แล้ว
- ราคาสูงกว่าเลนส์สายตาชั้นเดียว
- ต้องใช้เวลาปรับตัวเล็กน้อยในช่วงแรก
6. เลนส์สายตาย้อมสีกันแดด
เลนส์แว่นตาย้อมสี คือเลนส์สายตาที่ถูกนำไปย้อมสีทั้งเลนส์ เพื่อช่วยเรื่องการมองเห็น ความสบายตา หรือใช้เพื่อความสวยงามและแฟชั่น ซึ่งเลนส์กันแดดเหมาะสำหรับทุกคนทุกช่วงอายุที่ต้องการมองเห็นคมชัดพร้อมกันแดดในตัว
ข้อดี
-
- ช่วยลดความจ้าสำหรับผู้ที่มีอาการไวต่อแสง ขณะทำกิจกรรมกลางแจ้ง
- ย้อมสีอ่อน ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการเลนส์แฟชั่น เพื่อความสวยงามและมีสไตล์
- ช่วยให้ขับรถตอนกลางวันสบายตาขึ้น
ข้อเสีย
-
- ถ้าใช้สีเข้ม เวลามองในที่มืดหรือในที่ร่ม อาจมืดเกินไป
- ไม่เหมาะกับบางสถานการณ์ เช่น การขับรถตอนกลางคืน แม้จะเลือกสีอ่อนก็ตาม เพราะมีผลทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ด้อยประสิทธิภาพลง
- การรับรู้สีอาจมีความเพี้ยนเล็กน้อย ไม่เหมาะกับงานที่ต้องแยกสีอย่างแม่นยำ
7. เลนส์ปริซึม
เลนส์แว่นตาปริซึม คือเลนส์สายตาที่ถูกนำไปใส่กลไกพิเศษที่ทำหน้าที่ช่วยเลื่อนตำแหน่งของภาพที่เรามองเห็นในตาแต่ละข้างได้ เหมาะสำหรับผู้ที่เห็นภาพแยกภาพซ้อนขณะมองพร้อมกันสองตา หรือลดอาการไม่สบายตาอันเนื่องมาจากสาเหตุกล้ามเนื้อตาทำงานผิดปกติบางชนิด
ข้อดี
-
- ช่วยทำให้การเห็นภาพซ้อนหายไป มองเห็นภาพเป็นภาพเดียวครบถ้วนสมบูรณ์
- ช่วยให้ดำเนินชีวิตประจำวันได้สะดวกสบายขึ้น ไม่สับสนว่าภาพไหนคือภาพจริง ภาพไหนคือภาพหลอก
- ช่วยแก้อาการไม่สบายตา ปวดหัวเรื้อรัง ที่มาจากสาเหตุทางด้านกล้ามเนื้อตาผิดปกติ
- เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดี สำหรับเคสที่ยังไม่พร้อมผ่าตัดกล้ามเนื้อตาเพื่อแก้ไขภาพซ้อน
ข้อเสีย
-
- ใช้ระยะเวลาปรับตัวค่อนข้างนาน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
- อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ต่อตาได้ หากจ่ายไม่ถูกต้องตามหลักการ ดังนั้น เลนส์ชนิดนี้ควรจ่ายโดยนักทัศนมาตรหรือจักษุแพทย์เท่านั้น
8. เลนส์ขับรถ ตัดแสง Glare ยามกลางคืน
เลนส์แว่นตาขับรถกลางคืน คือเลนส์สายตาที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดแสงฟุ้งจากไฟรถยนต์ ไฟถนน ทำให้มองสบายตา ลดแสงรบกวน ขับขี่มั่นใจขึ้น
ข้อดี
-
- ลดแสงฟุ้งตอนกลางคืนจากดวงไฟต่าง ๆ เช่น ไฟถนน ไฟรถยนต์
- ช่วยให้สบายตาขึ้นขณะขับขี่รถช่วงกลางคืน
ข้อเสีย
-
- ต้องแก้ไขค่าสายตาอย่างถูกต้องด้วย หากต้องการใช้เลนส์นี้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ไม่สามารถลดแสงฟุ้งได้สมบูรณ์ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับมาตรฐานความพึงพอใจของแต่ละบุคคล
- เนื้อเลนส์บางแบรนด์มีความอมเหลือง หากใช้ในการทำงานหรือชีวิตประจำวัน อาจมีผลกระทบเกี่ยวกับการรับรู้สีเพี้ยนเล็กน้อย
9. เลนส์สายตาสำหรับกรอบแว่นโค้ง Sport
เลนส์สายตาสำหรับกรองแว่นโค้ง Sport คือเลนส์สายตาที่ออกแบบให้มีความโค้งมากกว่าปกติ เพื่อให้เข้ากันได้กับทรงกรอบแว่นที่มีลักษณะโอบล้อมใบหน้า เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้แว่นเล่นกีฬา หรือชื่นชอบการใส่เลนส์แว่นตาสไตล์ Sport
ข้อดี
-
- ปกป้องดวงตาจากมลภาวะได้อย่างเต็มที่ เพราะกรอบแว่นที่ใช้งานกับเลนส์ประเภทนี้จะโอบล้อมปกป้องดวงตา ลดลม ลดฝุ่นเข้าตาได้มากกว่าแว่นตาทั่วไป
- มองเห็นได้กว้างกว่าแว่นสายตาทั่วไป เพราะกรอบแว่นโอบหน้า ทำให้ไม่มีขอบแว่นมาบดบังการมองเห็นด้านข้าง
- ใส่เข้ากันได้กับกรอบแว่นที่มีหน้าแว่นโค้งมาก ๆ ในขณะที่เลนส์สายตาทั่วไปไม่สามารถใส่ได้
ข้อเสีย
-
- ใช้ระยะเวลาปรับตัวนานกว่าเลนส์สายตาทั่วไป
- อาจเหลือบตาแล้วมองเห็นภาพบิดเบือนด้านข้างได้
- มักมีราคาสูงกว่าเลนส์สายตาทั่วไป
10. เลนส์ระยะกลาง-ใกล้ (Office Lens)
เลนส์แว่นตาระยะกลาง-ใกล้ หรือ Office Lens คือเลนส์สายตาที่ออกแบบมาสำหรับใส่นั่งทำงานที่ต้องใช้สายตาในระยะคอมพิวเตอร์ ดูเอกสาร มือถือ โดยไม่ต้องใส่ ๆ ถอด ๆ เหมาะสำหรับผู้มีค่าสายตายาวตามวัยที่ต้องการเพิ่มความคมชัดบนโต๊ะทำงาน แต่ไม่ชอบใส่แว่นตอนมองไกลหรือตอนเดิน
ข้อดี
-
- มีมุมมองความชัดในระยะบนโต๊ะทำงานกว้าง ทำให้สามารถทำงานได้ยาวนานต่อเนื่องและมีความสบายตามากกว่าเลนส์โปรเกรสซีฟ
- ตัวเลนส์มีการออกแแบบจัดโซนการมองเห็นให้เหมาะกับการนั่งโต๊ะทำงาน ช่วยลดอาการปวดคอ บ่า ไหล่ จากการก้ม ๆ เงย ๆ ได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับเลนส์โปรเกรสซีฟ
ข้อเสีย
-
- ไม่สามารถใช้มองระยะไกลได้ เหมาะไว้สำหรับนั่งโต๊ะทำงานเท่านั้น เมื่อลุกขึ้นเดินจำเป็นต้องถอดแว่นออก
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมีแว่นตัวเดียว ที่สามารถใส่มองเห็นได้ชัดเจนครบทุกระยะ
เลนส์แว่นตา มีออพชั่นเสริมอะไรบ้าง
เลนส์แว่นตาไม่ได้มีแค่ค่าสายตาเท่านั้น แต่ยังมีออปชันเสริมอีกมากมายที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็น และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย
-
- เปลี่ยนสีอัตโนมัติเมื่อเจอแสงแดด
- เลนส์บลูออโต้ บลูไลท์ ฟิลเตอร์ (Blue Light Filter) ปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้า
- เคลือบสารป้องกันรังสียูวีและลดแสงสะท้อน
- ผิวเคลือบแข็งแรงทนทาน ลดรอยขีดข่วน ลดฝุ่นเกาะ
- ย้อมสีเลนส์ ย้อมปรอท ย้อม Polarized
เลนส์แว่นตา Index แต่ละเบอร์ เหมาะกับค่าสายตาอะไรบ้าง
เลนส์แว่นตามีหลายค่า Index ใช้บ่งบอกความบางและน้ำหนักของเลนส์ โดยทั่วไปเลนส์ที่มีค่า Index สูง จะบางและเบากว่า Index ต่ำ
-
- Index 1.56 แบบบางปกติ เหมาะสำหรับค่าสายตาสั้นไม่เกิน -4.00
- Index 1.60 บางเนื้อเหนียว เหมาะสำหรับค่าสายตาสั้น -4.00 ถึง -5.00 และตั้งแต่ Index 1.60 ขึ้นไป ยังเหมาะแก่การนำมาทำเลนส์ใส่กรอบประเภท เซาะ เจาะ อีกด้วย
- Index 1.67 บางกว่าเดิม เหมาะสำหรับค่าสายตาสั้น -5.00 ถึง -6.00
- Index 1.74 แบบบางที่สุด เหมาะสำหรับค่าสายตาสั้นมากกว่า -6.00 ขึ้นไป
เลือกเลนส์แว่นตา เพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น
การเลือกเลนส์เลนส์แว่นตาที่เหมาะสมกับตัวเอง ควรเริ่มจากอายุ เป็นปัจจัยสำคัญ หากอายุไม่เกินประมาณ 40 ปี หรือยังไม่มีค่าสายตายาวตามวัย ให้เลือกเลนส์ชั้นเดียวจะเหมาะที่สุด ส่วนฟังก์ชั่นออกแดดเปลี่ยนสี ย้อมสี กันแสงยูวี กันแสงสีฟ้า จัดเป็นออพชั่นเสริมที่ใส่เพิ่มเข้าไปได้ตามความต้องการ ส่วนกรณีที่มีค่าสายตายาวตามวัยแล้ว ควรพิจารณาจากพฤติกรรมการใช้สายตา ว่าต้องการตัดแว่นไปเพื่อแก้ไขการมองเห็นที่ระยะใดบ้าง และเลนส์ประเภทไหนที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการนั้นได้ตรงจุดและใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
หากใครกำลังลังเลว่าตัดแว่นที่ไหนดี? Occura เป็นร้านแว่นที่ดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญด้านทัศนมาตร เราให้ความสำคัญกับการตรวจวัดสายตาและให้คำแนะนำอย่างละเอียด เพื่อให้คุณได้เลนส์ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และช่วยให้การมองเห็นของคุณดีที่สุด
ร้านแว่นตาโอคูระ ดูแลระบบการมองเห็นแบบครบวงจร จุดเริ่มต้นการดูแลสายตาที่สมบูรณ์แบบ
-
- โทรศัพท์ : 02-645-0192
- มือถือ : 081-611-6823
- Line : @occura
- Facebook: Occura Vision
- Instagram : occuravision
- พิกัดร้าน: 100/74 อาคารว่องวานิช บี ชั้น 23 ถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10320










