ภาวะตาล้าเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่หลายคนกำลังเผชิญอยู่ โดยเฉพาะคนที่ใช้สายตาจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือหน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ๆ ทุกวัน อาการที่พบคือรู้สึกแสบตา ตาพร่ามัว ปวดตา หรือรอบเบ้าตา หลายคนอาจคิดว่าอาการเหล่านี้ไม่ได้ร้ายแรง พักสายตาสักหน่อยก็ดีขึ้น แต่แท้จริงแล้วหากปล่อยไว้โดยไม่ดูแลอย่างถูกวิธี อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพตาในระยะยาวได้ บทความนี้จะพามารู้จักอาการตาล้าให้มากขึ้น สำรวจสาเหตุ อาการที่พบ ผลกระทบ และวิธีป้องกันอาการตาล้า เพื่อช่วยถนอมดวงตาคู่สำคัญให้อยู่กับคุณไปได้นานที่สุด
สารบัญบทความ
ตาล้า (Asthenopia) คือภาวะที่กล้ามเนื้อดวงตาเกิดความอ่อนล้าจากการจ้องมองอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะแก่การใช้สายตาหรือใส่แว่นที่ไม่ตรงกับค่าสายตาจริง รวมถึงมีค่าสายตาผิดปกติแต่ไม่ใส่แว่นแก้ไข หรือมีภาวะตาเหล่แอบแฝง และกล้ามเนื้อตามีพลังไม่มากพอที่จะชดเชยภาวะนี้
อาการตาล้าที่พบได้บ่อย มีดังนี้
ภาวะตาล้าหรือสายตาล้า มักเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
คนที่มีสายตาสั้น ยาว หรือเอียง แต่ไม่ได้ใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์เพื่อแก้ไขค่าสายตา จะทำให้ระบบการเพ่งแบบอัตโนมัติของดวงตาทำงานหนักกว่าปกติ เพื่อพยายามทำให้ภาพชัดขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา จึงเกิดอาการตาล้าได้ง่ายกว่าคนที่ไม่มีค่าสายตา หรือในบางคนที่ใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์ที่แก้ไขปัญหาสายตาแล้ว แต่มีพลังเพ่งน้อยกว่าคนทั่วไป ก็จะเกิดอาการตาล้าได้ง่ายกว่าคนอื่น ๆ
นอกจากนี้ การสวมแว่นตาที่ไม่ตรงกับค่าสายตาจริง ก็ทำให้เกิดอาการตาล้าจากการเพ่งสู้กับค่าสายตาที่ใส่มาเกินได้เช่นกัน ดังนั้น เราจึงควรเลือกใช้บริการร้านตัดแว่นที่มีความน่าเชื่อถือ บริการตรวจวัดสายตากับนักทัศนมาตร เพื่อให้แน่ใจว่าเรากำลังใช้แว่นสายตาที่ดีและเหมาะสมต่อดวงตามากที่สุด
การมีความเครียดสะสม เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดภาวะตาล้าได้ เพราะความเครียดจะทำให้ระบบควบคุมกล้ามเนื้อตาที่ใช้ในการเพ่งเกิดการเกร็งตัวอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งความเครียดมักมาพร้อมกับการพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงยิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการตาล้าได้รุนแรงขึ้น
ดังนั้น การจัดการความเครียดและพักผ่อนอย่างเพียงพอจึงเป็นวิธีพื้นฐานที่ช่วยลดโอกาสเกิดภาวะตาล้าได้ดี
อีกหนึ่งสาเหตุหลักของภาวะตาล้าคือการใช้สายตาจดจ่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น อ่านหนังสือโดยไม่มีการพักสายตา ส่งผลให้กล้ามเนื้อตาออกแรงในการโฟกัสภาพให้ชัดอยู่ที่ระยะเดียวนานเกินไป เมื่อดวงตาไม่สามารถผ่อนคลายได้อิสระตามธรรมชาติ จึงทำให้ระบบโฟกัสเริ่มทำงานผิดปกติ มีอาการเดี๋ยวชัดเดี๋ยวเบลอ
สาเหตุยอดฮิตของภาวะตาล้าคือการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ตโฟนเป็นเวลานาน โดยเฉพาะการจ้องมองหน้าจอใกล้เกินไป หรือเปิดแสงหน้าจอจ้าเกินไป อีกทั้งแสงสีฟ้ามีคุณสมบัติการกระจายตัวมากกว่าสีอื่น จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อกลไกการเพ่งในระยะใกล้ ทำให้ดวงตาต้องเพ่งมากกว่าปกติเพื่อโฟกัสภาพให้คมชัด การสวมแว่นตากรองแสงสีฟ้าจึงช่วยลดภาระให้ดวงตาได้ และควรพักสายตาทุก ๆ 20 นาที เพื่อให้กล้ามเนื้อตาได้คลายตัวบ้าง
ภาวะตาแห้ง ต้อลม ต้อเนื้อ เยื่อบุตาอักเสบ ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความไม่สบายตาและนำไปสู่ภาวะตาล้าได้เช่นกัน โดยเฉพาะภาวะตาแห้งซึ่งพบมากในกลุ่มคนทำงานหน้าจอ เนื่องจากมีน้ำหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ จะมีผลทำให้ค่าสายตาสวิง ปรับโฟกัสให้ชัดลำบาก
นอกจากนี้ โรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อตา เช่นตาเหล่แอบแฝง ทำให้ตาสองข้างทำงานไม่ค่อยสัมพันธ์กัน ทำให้กล้ามเนื้อตาต้องทำงานหนักกว่าปกติ หากกล้ามเนื้อตาไม่แข็งแรงพอ ก็จะเกิดอาการตาล้าได้ ดังนั้น หากมีอาการระคายเคืองตาเรื้อรัง หรือการมองเห็นเปลี่ยนไป ควรเข้ารับการตรวจหาสาเหตุโดยจักษุแพทย์หรือนักทัศนมาตร เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลต่อสุขภาพตาระยะยาวได้
การอ่านหนังสือหรือใช้สายตาในที่ที่มีแสงน้อยจะทำให้ดวงตาถูกบังคับให้เพ่งโดยอัตโนมัติ เพื่อให้มองเห็นตัวหนังสือได้ชัด เป็นการบังคับให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนักแบบไม่รู้ตัว ส่งผลให้เกิดอาการตาล้าตามมา โดยการใช้สายตาในที่มืดยังเพิ่มโอกาสให้เกิดอาการตาพร่า มองเห็นภาพไม่ชัด และปวดตาได้ ดังนั้น เราจึงควรใช้ความแสงสว่างที่เหมาะสมกับกิจกรรมนั้น ๆ
การขับรถเป็นเวลานานต้องใช้สายตาจดจ้องภาพตรงหน้าอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีช่วงพัก ดวงตาต้องจ้องถนน ป้าย และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ตลอดเวลา กล้ามเนื้อตาจึงอยู่ในสภาวะตึงเครียด ส่งผลให้เกิดอาการตาล้า และเมื่อยตาได้ง่าย ถ้าขับรถในตอนกลางคืน หรือช่วงแดดจ้าอาการตาล้าก็จะยิ่งชัดขึ้น หากไม่หยุดพักสายตาเป็นระยะอาจทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลง ส่งผลต่อการตัดสินใจและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ควรหยุดพักทุก 2 – 3 ชั่วโมง หรือสวมใส่แว่นกันแดดเมื่อต้องขับขี่ในตอนกลางวันที่มีแสงแดดจ้าเพื่อช่วยถนอมสายตา
แม้ภาวะตาล้าส่วนใหญ่จะไม่ได้ทำให้มีอาการรุนแรง แต่หากปล่อยไว้โดยไม่ดูแล อาการเล็ก ๆ อาจลุกลามจนรบกวนการใช้ชีวิตและสุขภาพดวงตาในระยะยาวได้อย่างไม่รู้ตัว
เมื่อเกิดภาวะตาล้าอย่างต่อเนื่อง การทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องใช้สายตาจะยากลำบากขึ้น เช่น การอ่านหนังสือ การใช้คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่การขับรถ ความสามารถในการโฟกัสและตัดสินใจจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานและความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ ผู้ที่มีภาวะสายตาล้าจะรู้สึกเหนื่อยง่าย อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย รู้สึกตาล้า ง่วงตลอดเวลา และไม่มีสมาธิในการทำสิ่งต่าง ๆ ความไม่สบายตาเรื้อรังอาจกระทบต่อการใช้ชีวิต ทำให้รู้สึกไม่มีแรงจูงใจในการทำงานหรือติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น
หากปล่อยให้ตาล้าเรื้อรังโดยไม่แก้ไข หรือไม่ปรับพฤติกรรมที่เป็นสาเหตุ ก็อาจนำไปสู่ปัญหาดวงตาอื่น ๆ ได้ เช่น ตาแห้งเรื้อรัง เยื่อบุตาอักเสบ ค่าสายตาเปลี่ยนชั่วคราว นอกจากนี้ ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ซึ่งอาจต้องได้รับการรักษาเฉพาะทางอีกด้วย
การป้องกันภาวะตาล้าไม่ใช่เรื่องยาก หากเราใส่ใจสุขภาพดวงตาและปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสม ต่อไปนี้คือวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดอาการตาล้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับคนที่ใส่แว่นทำงานหน้าจอเป็นประจำ ควรเลือกใช้แว่นกรองแสงสีฟ้าเพราะมีคุณสมบัติช่วยลดอาการตาล้าได้ และเลือกร้านตัดแว่นกับร้านที่มีความเชี่ยวชาญ ดูแลโดยนักทัศนมาตรมืออาชีพ เพื่อให้ได้แว่นตาที่เหมาะกับค่าสายตาที่สุด
การเลือกแว่นจากร้านตัดแว่นโดยนักทัศนมาตรจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเลนส์จะตรงกับค่าสายตาและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นวิธีแก้อาการปวดตาและตาล้าได้จากต้นเหตุอย่างแท้จริง
ภาวะตาล้าอาจดูไม่ร้ายแรงแต่ก็ส่งผลกระทบต่อการทำงานและการใช้ชีวิตไม่น้อย ทำให้รู้สึกไม่สบายตา ทำอะไรก็จะรู้สึกติด ๆ ขัด ๆ ไม่ราบรื่นเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม ภาวะตาล้ามีวิธีแก้ง่าย ๆ คือการหยุดใช้สายตาสักพักเพื่อให้อาการทุเลาะลง นอกจากนี้ การสวมใส่แว่นตาที่ตรงกับค่าสายตา และสุขภาพตาของตัวเองก็เป็นการแก้ปัญหาตาล้าที่ต้นเหตุอย่างยั่งยืน ร้านแว่นตา Occura ให้บริการตัดแว่นโดยนักทัศนมาตรผู้เชี่ยวชาญ ช่วยวิเคราะห์ปัญหาสายตาอย่างละเอียด พร้อมแนะนำเลนส์ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์และลดอาการตาล้าได้จริง ใส่แล้วสบายตา ใช้งานได้นานอย่างมั่นใจ
ร้านแว่นตาโอคูระ ดูแลระบบการมองเห็นแบบครบวงจร จุดเริ่มต้นการดูแลสายตาที่สมบูรณ์แบบ
ลูกค้าใหม่วัย 4…
This website uses cookies.